business guide
  • หน้าหลัก
  • บทที่ 1
  • บทที่2
  • บทที่3
  • บทที่4
  • บทที่5
  • บทที่6

บัญชีเบื้องต้น 1  (2201 – 1002)

แบบทดสอบก่อนเรียน

 

บทที่ 3 การวิเคราะห์รายการค้า
http://www.programbhunchee.com/images/nnat50x.gifความหมายของการวิเคราะห์รายการค้า
การวิเคราห์รายการค้า(Business Transaction Analysis)
      ความหมายของการวิเคราะห์รายการค้า (Business Transaction Analysis)
การวิเคราะห์รายการค้า หมายถึง การพิจารณาว่ารายการค้าที่เกิดขึ้น มีผลทำให้สินทรัพย์
หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงเป็นจำนวนเท่าใด
เมื่อวิเคราะห์รายการค้าได้แล้วจึงนำไปบันทึกลงในสมุดบัญชีต่าง ๆ หลักในการวิเคราะห์
รายการค้า
http://www.programbhunchee.com/images/nnat50x.gifความหมายของการบันทึกรายการค้าในสมุดบัญชี
การบันทึกรายการค้าในสมุดบัญชี
การบันทึกรายการค้าในสมุดบัญชี หมายถึง การจดเรื่องราวเกี่ยวกับรายจ่าย หรือสิ่งของที่ตีมูลค่าเป็นจำนวนเงินลงในรูปแบบบัญชีที่กำหนด จะได้ผลจากการ
ดำเนินงานไปสรุปผลในวันสิ้นงวดบัญชี เพื่อหาผลกำไรขาดทุน
        รายการค้า   ------>         สมุดบัญชีแยกประเภท ---------->    งบดุ

           ดังนั้น การวิเคราะห์รายการค้ารายการหนึ่ง ๆ จะต้องบันทึกบัญชีทางด้าน
เดบิตบัญชีหนึ่งและทางด้านเครดิตอีกบัญชีหนึ่ง ในจำนวนเป็นที่เท่ากัน ลักการบัน
ทึกนลักษณะนี้เรียกว่า หลักการบัญชีคู่
(Double Entry System)

ลักษณะของบัญชีแยกประเภท
         บัญชีแยกประเภทโดยทั่วไป มีลักษณะแบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งสำหรับจดบันทึกรายการค้าที่เพิ่มขึ้นและอีกด้านหนึ่งสำหรับจดบันทึก
รายการค้าที่ลดลง
    ทางด้านซ้ายมือของบัญชีแยกประเภท เรียกว่า ด้านเดบิต (Debi )ตัวย่อ Dr
    ทางด้านขวามือของบัญชีแยกประเภท เรียกว่า ด้านเครดิต(Credit)ตัวย่อ Cr
http://www.programbhunchee.com/images/nnat50x.gifหลักในการบันทึกบัญชี
การบันทึกบัญชีหลักจากการวิเคราะห์รายการค้าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
       1.1สินทรัพย์เพิ่ม              สินทรัพย์ลด
       1.2หนี้สินเพิ่ม                 หนี้สินลด
       1.3ส่วนของเจ้าของเพิ่ม     ส่วนของเจ้าของลด

หลักในการบันทึกบัญชีประเภทสินทรัพย์ 
       เมื่อสินทรัพย์เพิ่มขึ้น       ให้บันทึกบัญชีสินทรัพย์        ด้านเดบิต
       เมื่อสินทรัพย์ลดลง        ให้บันทึกบัญชีสินทรัพย์        ด้านเครดิต

หลักในการบันทึกบัญชีประเภทหนี้สิน           
       เมื่อหนี้สิน์เพิ่มขึ้น        ให้บันทึกบัญชีหนี้สิน       ด้านเครดิต
       เมื่อหนี้สินลดลง         ให้บันทึกบัญชีหนี้สิน       ด้านเดบิต

หลักในการบันทึกบัญชีประเภทส่วนของเจ้าของกิจการ       เมื่อส่วนของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น      ให้บันทึกบัญชีส่วนของเจ้าของ      ด้านเครดิต
       เมื่อส่วนของเจ้าของกิจการลดลง       ให้บันทึกบัญชีส่วนของเจ้าของ      ด้านเดบิต
http://www.programbhunchee.com/images/nnat50x.gifการตั้งชื่อบัญชี
ประเภทของบัญชี 
ประเภทของบัญชี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 
        1.บัญชีประเภทสินทรัพย์ ได้แก บัญชีประเภทสินทรัพย์หมุนเวียน สินทรัพย์ถาวร และสินทรัพย์อื่น ๆ
        2.บัญชีประเภทหนี้สิน ได้แก่ บัญชีประเภทหนี้สินหมุนเวียน และหนี้สินระยะยาว
        3.บัญชีรปะเภทส่วนของเจ้าของ ได้แก่ บัญชีประเภททุน และการถอนเงินไปใช้
ส่วนตัว

การกำหนดชื่อบัญชีแยกประเภท
        
หลักจากที่ได้วิเคราะห์รายการค้าแล้ว ให้พิจารณาว่ารายการค้าที่จะบันทึกบัญ
ชีนั้นใช้ชื่อบัญชีใด โดยคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการกำหนดชื่อบัญชีแยกประเภท มีดังนี้
       1.ใช้ชื่อบัญชีที่นิยมใช้โดยทั่วไป
       2.ตั้งชื่ิให้มีความหมายตามประเภทและหมวดของบัญชี
       3.ไม่ควรตั้งชื่อบัญชียาวไป หรือชื่อแปลก
       4.ชื่อบัญชีที่ตั้งนั้นควรลงรายการค้าได้มาก ๆ

การตั้งชื่ิบัญชีตามประเภทของบัญชี มีดังนี้
        1.บัญชีประเภทสินทรัพย์ ได้นำชื่อของสินทรัพยืมาตั้งชื่อบัญชี เช่น บัญชีเงินสด บัญชีลูกหนี้ บัญชีวัสดุสำนักงาน ฯลฯ
        2.บัญชีประเภทหนี้สิน ให้นำชื่อหนี้สินมาตั้งเป็นชื่อบัญชี เช่น บัญชีเจ้าหนี้ บัญ
ชีเงินกู้ ฯลฯ
        3.บัญชีประเภทส่วนของเจ้าของ ให้นำชื่อประเภทส่วนของเจ่าของมาตั้งเป็นชื่อ
บัญชี เช่น บัญชีทุน บัญชีถอนใช้ส่วนตัว ฯลฯ

 

แบบทดสอบหลังเรียน


© Copyright Information Goes Here. All Rights Reserved.

วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี